อยากซื้อรถยนต์มือสองไม่ใช่เรื่องยาก เพราะในปัจจุบันมีตลาดรถยนต์มือสองให้เลือกได้มากมายทั่วประเทศไทยไม่ว่ารุ่นไหน ราคาเท่าไหร่ก็มีหมด แต่สิ่งที่หลาย ๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อนก็คือวิธีเช็ครถมือสอง เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ารถยนต์เหล่านี้ผ่านการใช้งานมาแล้ว
วันนี้ WOODY959 Goodcar จึงได้รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีเช็ครถมือสองจากผู้เชี่ยวชาญของพวกเรา มีอะไรที่ต้องให้ความสำคัญไปบ้างไปดูกันเลย
รวมวิธีเช็ครถมือสองอย่างละเอียดที่ควรรู้
สำหรับรายละเอียดของวิธีเช็ครถมือสองนั้น WOODY959 Goodcar มี 6 ข้อ ดังนี้
1. เช็คเอกสารรถยนต์ประวัติย้อนหลัง
เอกสารที่เกี่ยวกับรถเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ที่อยากให้ทุกคนได้ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะตัวเล่มรถยนต์ควรดูให้ดีว่าเลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ตรงกับที่แสดงในเล่มหรือไม่ ถัดมาย้อนดูในส่วนรายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ว่ามีการบันทึกอะไรบ้าง เช่น ประวัติการเปลี่ยนเครื่องยนต์, การดัดแปลงตัวถัง, ประวัติการออกเล่มใหม่แทนเล่มเก่า (ในกรณีชำรุดหรือสูญหาย) เป็นต้น
ส่วนที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือรายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อดูว่าเปลี่ยนมือมาแล้วกี่คน ชื่อเจ้าของคนล่าสุดตรงกับบัตรประชาชนหรือไม่ และอีกจุดก็คือประวัติรายการภาษีให้เทียบสีหมึกของแต่ละปีให้ดี ๆ หากสีหมึกดูใหม่เท่ากันหมดให้ตั้งขอสงสัยเอาไว้ก่อนว่าอาจจะเสี่ยงเป็นเล่มรถของปลอม
2. เช็คเลขไมล์บนหน้าปัด
วิธีเช็คไมล์รถมือสอง ข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะเป็นหลักฐานที่ชี้วัดว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมากขนาดไหน ตัวอย่างเช่นรถที่เคยเป็นแท็กซี่มาก่อนจะมีตัวเลขที่สูงสวนทางกับอายุของรถเพราะมีการขับทุกวันและแทบจะทุกเวลาเลยทีเดียว หากคุณกำลังสงสัยว่าเลขไมค์อาจไม่ค่อยสอดคล้องกับสภาพรถ แนะนำให้ลองดูตามอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ เช่น คันเร่ง, พวงมาลัย, แผงตามประตู, ความสกปรกของเครื่องยนต์ เป็นต้น และอีกสิ่งที่ต้องสังเกตคือถ้าหากเลขไมล์น้อยไม่สัมพันธ์กับวันที่จอดทะเบียนรถ ให้สันนิษฐานไว้เลยว่าอาจมีการกรอเลขไมล์
การกรอเลขไมล์แล้วมาหลอกขายมือสองมีโทษตามกฎหมายมาตรา 391 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ที่ทำผิดต้องถูกดำเนินคดีข้อหาหลอกลวงประชาชนด้วยการปกปิดความจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2549 มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. เช็คสภาพตัวถังของรถ
ตัวถังของรถยนต์เป็นส่วนแรก ๆ ที่เรามองเห็นก่อนเป็นอันดับแรก ขอแนะนำให้ลองสังเกตด้วยตามเปล่าดูก่อนว่ารูปทรงของตัวถังดูปกติดีมั้ย ช่วงว่างระหว่างประตูและตัวถังเท่ากันหรือไม่ อีกสิ่งที่ต้องสังเกตให้ดีคือสีของตัวถัง เบื้องต้นให้ลองเคาะดูก่อนว่าเสียงเป็นยังไง หากรู้สึกว่าเสียงแน่น ๆ ทึบ ๆ และรู้สึกได้ว่าสีเป็นคลื่น ๆ ไม่เรียบเนียน เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ารถคันนี้ผ่านการทำสีหลายชั้นเพื่อปกปิดร่องรอยที่มีปัญหา
4. เช็คตะเข็บรอบตัวถัง
ตะเข็บและอาร์กของตัวคือส่วนที่มีการประกบและยึดติดระหว่างชิ้นส่วนของตัวถังและส่วนประกอบอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน จุดนี้หลายคนมักมองข้ามไปแต่ละส่วนจะมีการปกปิดด้วยซีลยาง ถ้าหากพบความผิดปกติตามจุดต่าง ๆ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเคยโดยชนและผ่านการซ่อมหนักมาก่อน โดยจุดที่ควรเช็คมีดังนี้
คานหน้ารถ จุดนี้ให้สังเกตตัวนอตตามจุดต่าง ๆ ว่าถูกยึดครบทุกตัวหรือไม่ คานมีสีที่ดูใหม่กว่าส่วนอื่นรึเปล่า และสติกเกอร์แนะนำการใช้งานที่แปะมาจากศูนย์ยังอยู่ครบมั้ย
แก้มทั้ง 2 ข้าง ต้องมีรอยนูนใกล้ ๆ ตะเข็บในระยะเท่ากันทั้ง 2 ข้าง
ขอบประตูทุกบาน ส่วนนี้หลายคนไม่ค่อยสังเกตเพราะมีซีลยางขอบประตูปิดไว้ แนะนำให้ดึงซีลยางออกมาถ้าหากรอยอาร์กตามขอบยังอยู่ครบและมีความสม่ำเสมอถือว่าปกติ
บริเวณท้ายรถใต้กระโปรงหลัง ต้องมีรอยอาร์กกับรอยนูนในระยะเท่ากันทั้ง 2 ข้าง และต้องไม่มีรอยไหนหายไปแม้แต่รอยเดียว
5. เช็คระบบส่งกำลังทั้งหมด
ระบบส่งกำลังเป็นหัวใจหลักที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ โดยมี 3 ส่วนหลัก ๆ ที่จำเป็นต้องผ่านการตรวจเช็คดังนี้
6. เช็คระบบไฟและส่วนประกอบอื่น ๆ
สุดท้ายให้ลองเช็คอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบไฟฟ้าดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เช่น ไฟส่องสว่างคู่หน้า ไฟคู่ท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว แอร์ต้องทำความเย็นได้ดีไม่มีกลิ่นอับ พวงมาลัยต้องหมุนได้รอบ ๆ ไม่ฝืดไม่ค้างและคืนตัวได้ และที่สำคัญต้องเช็คระบบล็อกรถด้วยว่ายังใช้งานได้ปกติรึเปล่า